ความก้าวหน้าลิขสิทธิ์ บอลโลก 2022 ยังไร้วี่แววจากฟีฟ่า ภายใน 6 วันจะชี้เป็นชี้ตาย หลังผู้ว่า กกท. ติดต่อไปยังฟีฟ่า ขอลดค่าลิขสิทธิ์ลงก็ยังไร้วี่แววสำหรับเพื่อการตอบกลับรวมทั้งการันตีว่า ภายใน 6 วันต่อแต่นี้ไปจะตัดสินทุกเรื่อง
ความก้าวหน้าการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคมนี้ ภายหลังจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ รวมทั้งกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือจาก กองทุนวิจัย รวมทั้งพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ รวมทั้งกิจการโทรคมนาคม เพื่อ
ประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ในกรอบวงเงิน600ล้านบาท จากจำนวนเต็มที่กกท.เสนอขอรับการสนับสนุนไป1,600ล้านบาท ทำให้กกท.ต้องหาภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนอีก1,000ล้านบาทนั้น
ปัจจุบัน “บิ๊กก้อง”ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท.เปิดเผยว่าเดี๋ยวนี้ กกท.ก็ยังคอยคำตอบจากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านทางเอเย่นต์ที่ติดต่อประสานงานกันมาอยู่ซึ่งกกท. ได้ส่งอีเมล ขอลดไปอีกครั้ง เมื่อวันที่11เดือนพฤศจิกายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพราะมีความเห็นว่าราคาที่ฟีฟ่าเสนอมา ยังแพงเหลือเกิน
แต่วันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน 2565 ทางเอเย่นต์ฟีฟ่า ก็ยังไม่ได้มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใดทั้งนี้หากยังไม่มีการตอบกลับกลับมา วันที่ 14 เดือนพฤศจิกายน ก็จะทำหนังสือส่งเข้าไปอีกครั้งเพราะเวลากระชั้นเข้ามามากแล้วผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวจะมีการใช้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 600 ล้านบาท เพื่อนำไปสมทบค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกคราวนี้ ในเรื่องนี้ จำเป็นจะต้องชะลอเอาไว้ก่อน ต้องหารือกันภายในบอร์ดกองทุนฯ รวมทั้งรอดูทีท่าของฟีฟ่าอีกครั้งด้วย ว่าจะขายลิขสิทธิ์เยอะแค่ไหน
ช่วงเวลาเดียวกัน เว้นแต่เอกชน 5 รายที่ กกท. ได้ติดต่อประสานงานเพื่อช่วยสนับสนุนถ่ายทอดสดแล้ว เดี๋ยวนี้ กกท. ก็ยังเดินหน้าหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ เพราะไม่ใช่แค่เพียงค่าลิขสิทธิ์ ที่จำเป็นต้องจ่าย หากได้ถ่ายทอด ยังมีค่าภาษี การตั้งศูนย์ถ่ายทอดสด ค่ารับสัญญาณดาวเทียม ค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าเวลาสถานี เพิ่มมาอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ แนวทางที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวรวมทั้งกีฬา เสนอ จะขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำหรับเพื่อการประชุมวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน เพื่อขอยืมเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มาสมทบสำหรับเพื่อการไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ก่อน แล้วนำเงินจากภาคเอกชนที่หามาได้ต่อจากนี้ มาคืนให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาตินั้น เป็นเพียงแค่แนวความคิดที่ผ่านมา
ซึ่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ไม่เห็นพ้อง ฉะนั้นสำหรับเพื่อการประชุม ครม. วันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน จะไม่มีการนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม ครม. ส่วนความก้าวหน้าการสนทนาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก วันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน ยังปราศจากความกระจ่าง เพราะฟีฟ่า ยังไม่ตอบกลับมาว่า จะยอมลดให้กับประเทศไทยได้เยอะแค่ไหน จำเป็นต้องคอยจนกระทั่งวันที่ 14 เดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้เรื่องที่ไม่สบายใจอีกหัวข้อ ในระหว่างวันที่ 16-18 เดือนพฤศจิกายน เป็นวันหยุดในโอกาสไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสัปดาห์
ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอีก จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ เดี๋ยวนี้คนที่ไม่สบายใจที่สุดคือ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ที่จำต้องรีบเคลียร์เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้จบด้วยดี รวมทั้งเร็วที่สุด
โดยวันที่ 14 เดือนพฤศจิกายน สำนักอัยการสูงสุด จะเชิญฝ่ายกฎหมายของ กกท.
ไปพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องข้อกฎหมายทุกข้อความสำคัญ ช่วงเวลาเดียวกัน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. จะต้องไปเซ็นเอ็มโอยู กับ กสทช. หลังจากที่ กสทช. อนุมัติงบประมาณจาก กองทุนกทปส. ให้ 600 ล้านบาทที่ผ่านมา
รายงานข่าวยังกำหนดอีกว่า เดี๋ยวนี้มีเงิน 600ล้านบาทจาก กสทช.รวมทั้ง400ล้านบาทจาก3บริษัทเอกชนสนับสนุนเพิ่มเติมให้เป็นต้นว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), บริษัทไทยเบฟเวอเรจจํากัด (มหาชน),บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ส่วนอีก 2 บริษัท
เป็นต้นว่า บริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ปจํากัด(มหาชน)รวมทั้งบริษัทปตท.สำรวจผลิตปิโตรเลียมจำกัด(มหาชน) (ปตท.สผ.) นั้นทางกกท.ส่งหนังสือขอรับการช่วยสนับสนุนเข้าไป เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แต่ติดวันเสาร์ รวมทั้งอาทิตย์ จึงยังไม่มีการตอบกลับมา เดี๋ยวนี้ หากรวมเงินจาก กสทช. 600 ล้านบาท รวมทั้งเอกชน ที่คาดว่าจะสนับสนุน ราว ๆ 400 ล้านบาท กกท. จะมีเงินอยู่ราว ๆ 1,000 ล้านบาท
ซึ่งในส่วนของทีท่าของฟีฟ่าที่ผ่านมาหมายถึงไม่ยอมลดให้เหลือ30ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว ๆ 1,140ล้านบาทโดยบอกมาว่า ถ้าเกิดเราจะซื้อในราคาที่ถูกกว่า 38ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว ๆ 1,444 ล้านบาทเราจะต้องซื้อเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เดี๋ยวนี้ฟีฟ่า ยืนกรานว่า ไม่ยอมขายแพ็กเกจย่อย คือ ซื้อสิทธิ์ตั้งแต่รอบ 2 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ไทย บังคับให้ซื้อฟูลแพ็กเกจ 64 แมตช์เท่านั้น แต่กกท.ก็ได้แสดงความอยาก ขอลดเข้าไปอีก
ซึ่งถึงเวลานี้ ฟีฟ่า ยังนิ่งไม่มีการตอบอีเมลกลับมาอะไร อาจจะจำเป็นต้องรอดูในวันที่ 14 เดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของขั้นตอนที่ฟีฟ่า ระบุรวมทั้งขีดเส้นตายเอาไว้ หากเลือกที่จะซื้อลิขสิทธิ์ ภายในวันที่ 18 เดือนพฤศจิกายน 2565 ไทยเราจำเป็นต้องปิดดีลกับฟีฟ่าให้สำเร็จว่า จะซื้อในราคาเยอะแค่ไหน แล้วต่อจากนั้นวันที่ 19 เดือนพฤศจิกายน ก่อนเตะนัดแรกฟุตบอลโลก 2022 ไทยจึงควรโอนเงินทั้งหมดไปให้ฟีฟ่า พร้อมภาษี 15 เปอร์เซ็นต์ ให้เรียบร้อยแล้ว